นศ.สาวถามทั้งน้ำตา "ทำไมทำกับหนูแบบนี้" ไม่รู้พ่อฝากยาไอซ์ มูลค่า 354 ล้าน

นศ.สาวถามทั้งน้ำตา "ทำไมทำกับหนูแบบนี้" ไม่รู้พ่อฝากยาไอซ์ มูลค่า 354 ล้าน

นศ.สาวถามทั้งน้ำตา "ทำไมทำกับหนูแบบนี้" ไม่รู้พ่อฝากยาไอซ์ มูลค่า 354 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จับ น.ศ.สาว ปี 4 ม.ดัง ขนยาไอซ์ 354 กก. มูลค่า 354 ล้าน อ้างพ่อเอามาฝากไว้ พ่อหายติดต่อไม่ได้ ถามทั้งน้ำตา “พ่อทำไมทำกับหนูแบบนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ตุลาคม) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ จ.อุดรธานี มีการแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ได้กลางเป็นยาไอซ์ 354 กก. มูลค่ากว่า 354 ล้านบาท

หลังจากได้รับการประสานข้อมูลจาก ชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 จึงนำกำลังไปดักซุ่มอยู่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี กระทั่งเวลา 18.30 น. พบรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว หมายเลขทะเบียน 4902 อุดรธานี จอดอยู่หน้าโรงแรม และมีผู้หญิง 1 คนเดินลงมาที่รถ ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.ตอง (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ชาว ต.แสงสว่าง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี จึงแสดงตัวขอตรวจค้น

ภายในห้องโดยสารและที่เก็บของหลังรถ เต็มไปด้วยกระสอบสีรุ้ง จำนวน 12 กระสอบ อัดแน่นเต็มคันรถ ในกระสอบพบถุงผลิตภัณฑ์ใบชาแห้ง มีโลโก้ภาษาจีน น้ำหนักถุงละ 1 กก. จำนวน 354 ถุง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นยาไอซ์ทั้งหมด จึงควบคุมตัว น.ส.ตอง พร้อมของกลางมาทำการสอบสวน

เบื้องต้นสารภาพว่า พ่อชื่อ วี สัญชาติลาว อายุประมาณ 50 ปี โทรมาติดต่อขอฝากของ เดี๋ยวจะมีคนมารับไปอีกทอดหนึ่ง ตนไม่รู้ว่าข้างในเป็นยาเสพติด เพียงแต่รับฝากจากพ่อเท่านั้น โดยมีการบันทึกภาพขณะเข้าจับกุมไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 เปิดเผยว่า มีสายรายงานมาโดยตลอดว่าจะมีการนำยาเสพติดล็อตใหญ่มาพักไว้ที่ จ.อุดรธานี ก่อนที่จะมีการกระจายเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน บริเวณภาคกลางของประเทศไทย มีการจับกุมได้อยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นล็อตที่ใหญ่มาก เป็นยาไอซ์จำนวน 354 กก. มูลค่ากว่า 354 ล้านบาท

และหากหลุดเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน อาจจะมีมูลค่ามากกว่านี้หลายเท่าตัว ถือเป็นการสกัดเส้นทางลำเลียงของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ตามนโยบายการปราบปรามของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ บูรณาการร่วมกันในการปฏิบัติการครั้งนี้ และในภายภาคหน้าจะต้องเร่งสกัดยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในพื้นที่อีก

จากการสอบสวน น.ส.ตอง เล่าทั้งน้ำตาว่า พ่อแม่ตนแยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก ตนโตมากับตาและยายที่ อ.หนองแสง แม่มีครอบครัวใหม่อยู่ต่างประเทศ พ่อจะติดต่อกันบ้าง 2 – 3 เดือนครั้ง แม่จะดูแลค่ากิน ค่าเรียน ส่วนพ่อจะส่งเงินมาให้ใช้บ้าง ส่งมาเป็นค่าเช่าหอบ้าง ไม่เคยรู้ว่าพ่อทำงานแบบนี้ ไม่รู้ว่าพ่อฝากส่งอะไรมา

แต่ก็ยอมรับว่าเคยไปช่วยพ่อ ขับรถดูเส้นทางส่งสินค้าอะไรบางอย่างให้ พ่อไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ทำมาแล้ว 2 ครั้ง อยู่ที่อุดรฯ ตนก็เช่าโรงแรมและเช่ารถขับอยู่แล้ว มาครั้งนี้พ่อก็บอกว่าจะแค่ฝากของ จะมีคนเอาของมาใส่รถ ตนรู้แค่นั้น แล้วพ่อก็บอกว่าให้ขึ้นไปนอนที่ห้อง ตนลงมาจากห้องก็มาถูกจับ

“เมื่อวานพ่อโทรหา แต่ไม่ได้รับสาย พอเกิดเรื่องแล้ว โทรกลับไปหาพ่อ พ่อก็ไม่รับสาย ตนรักพ่อมาก อยากให้พ่อรักหนูบ้าง พ่อทำไมทำกับหนูแบบนี้ หนูกำลังเรียนหนังสือ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หนูจะเรียนจบอยู่แล้ว แต่พ่อก็มาทำกับหนูแบบนี้ หนูไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลย ซ้ำยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หนูขี้เกรงใจ กลัวพ่อดุด่า ก็ทำไปตามที่เขาบอก อยากให้พ่อออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ตอนนี้หนูกลัวมาก ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครได้บ้าง”

เบื้องต้น จะได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสืบสวนหาผู้กระทำความผิดในขบวนการดังกล่าวทั้งหมด มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook